องุ่นมีโรคเกิดทำลายหลายชนิด นับตั้งแต่ต้นเล็กๆ ไปจนถึงระยะติดดอกออกผลจึงจำเป็นต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด การที่องุ่นที่ปลูกในประเทศไทยมีโรคระบาดรุนแรงหลายชนิดก็เนื่องมาจากสภาพอากาศร้อนชื้น มีฝนตกชุก และมีการตัดแต่งกิ่งองุ่นให้ออกดอกติดผลตลอดปีจึงมีส่วนทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่ายเกือบตลอดปีเช่นกัน ขณะนี้ปัญหาเรื่องโรคจึงเป็นปัญหาที่สำคัญของสวนองุ่นอย่างมาก
โรคขององุ่นที่ระบากรุนแรงและทำความเสียหายร้ายแรง ดังนี้
1. โรคราน้ำค้าง (Downy mildew)
สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา PLasmopara viticola โรคราน้ำค้างนับว่าเป็นโรคที่สำคัญที่สุดสำหรับการปลูกองุ่นในบ้านเรา เป็นโรคที่ระบาดรุนแรงทำความเสียหาย มากระบาดได้ทั้งปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูฝนจะระบาดอย่างรุนแรง เพราะความชื้นในอากาศมีสูง
ลักษณะอาการ โรคนี้เกิดได้กับส่วนต่างๆ ของต้นองุ่นทั้งใบ ช่อ ดอก ยอดอ่อน เถา และช่อผล อาการที่สังเกตได้คือ
การป้องกันกำจัด
1. ทำความสะอาดสวน อย่าให้รกรุงรัง กิ่งต่างๆ รวมทั้งใบที่ตัดออกจากต้นให้นำไปเผาทิ้งหรือฝัง อย่าปล่อยทิ้งไว้ในสวนจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค
2. หลังจากที่ต้นองุ่นแตกกิ่งใบใหม่แล้ว ควรจัดกิ่งเถาให้กระจายทั่วๆ ค้าง อย่าให้ซับซ้อนกันมาก กิ่งที่ไม่ต้องการให้ตัดแต่งออกให้โปร่ง อย่าให้กิ่งห้อยย้อยลงจากค้างให้อากาศถ่ายเทสะดวกจะช่วยลดความชื้นลง และช่วยลดการระบาดของโรค
3. การฉีดสารเคมีป้องกันกำจัด ควรทำเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสม โดยเริ่มฉีดครั้งแรกเมื่อเริ่มแตกยอดอ่อน ครั้งที่สองเมื่อ มีใบอ่อน 3-4 ใบ สารเคมีที่ใช้ป้องกันกำจัดโรคนี้ได้ดี เช่น สารเคมี ซีบัส (ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม) อัตรา 25 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 4-5 ครั้ง หรือใช้สารพวก เมทาแลคซิล
หรือใช้ วิธีปลอดสารพิษ โดยใช้เชื้อไตรโคเดอร์ม่า ป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดการระบาด
2. โรคแอนแทรคโนส หรือโรคผลเน่า หรือโรคแบลคสปอต (Antracnose or black spot)
สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Colletotricchum gloeosporioides
ลักษณะอาการ โรคผลเน่าหรือโรคแอนแทรคโนสนี้ ชาวบ้านมักเรียกว่า "โรคอีบุบ หรือ โรคลุกบุบ" เพราะอาการที่เกิดกับผลนั้นจะเป็นแผลลึกลงไปในเนื้อ โรคนี้เป็นโรคที่ระบาดอย่างช้าๆ แต่ก็รุนแรงและรักษายาก บางท้องที่บางฤดูก็เป็นปัญหาสำหรับการปลูกองุ่นมากเช่นกัน โรคนี้นอกจากจะเป็นที่ผลซึ่งพบได้ทั่วๆ ไปแล้วยังเป็นกับเถาและใบอีกด้วย โดยเชื้อราสามารถแพร่ระบาดไปกับลมและน้ำปกติแล้ว โรคแอนแทรคโนสนี้จะระบาดทำความเสียหายกับทุกส่วนขององุ่น โดยเฉพาะส่วนที่ยังอ่อนอยู่ เช่น ยอดอ่อน กิ่งอ่อน ใบอ่อน ส่วนที่ผลก็เป็นโรคได้ทั้งในระยะผลอ่อนจนถึงระยะผลโต
การป้องกันกำจัด
1. ทำความสะอาดสวน เก็บกวาดกิ่งใบองุ่นที่ตกอยู่ใต้ต้นไปเผาทิ้งหรือฝังดินให้หมดเพราะส่วนต่างๆ เหล่านี้เป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคได้
2. เมื่อพบว่าองุ่นเป็นโรคให้ตัดส่วนที่เป็นโรคออกก่อน แล้วจึงฉีดพ่นด้วยยาป้องกันกำจัดเชื้อรา จะช่วยทำลายเชื้อโรคที่หลงเหลืออยู่ได้มาก
3. คอยตัดแต่งกิ่ง จัดกิ่งให้โปร่ง จะช่วยลดปัญหาได้มาก โดยเฉพาะในช่วงที่โรคระบาดมาก
4. ป้องกันกำจัดโดยฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัดเชื้อราเป็นระยะๆ คือ พ่นสารเคมีครั้งแรกหลังจากตัดแต่งกิ่งที่เหลือ และครั้งที่สองเมื่อเริ่มแตกใบอ่อน ส่วนครั้งต่อๆ ไปดูตามความเหมาะสม สารเคมีใช้ฉีดป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น
คาเรน(คาร์เบนดาซิม) อัตรา 10-20 กรัมต่อน้ำ 20 ฉีดพ่น
วิธีที่ป้องกันได้ดี แบบปลอดสารพิษ
สามารถใช้ เชื้อรา ไตรโคเดอร์ม่า-X(ไตรโคเดอร์ม่า ) สลับกับ (เชื้อแบคทีเรีย บีเอส บาซิลลัส ซับทีลิส) ผสมน้ำฉีดป้องกันโรค
3. โรคราแป้ง (Powdery mildew)
สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Oidium tuckeri
ลักษณะอาการ เป็นโรคที่ระบาดรุนแรงอีกโรคหนึ่งหรือเรียกว่า "โรคขี้เถ้า" มักระบาดมากในช่วงอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง คือ หลังฤดูฝน และในฤดูหนาว เท่านั้น จะเข้าทำลายทุกส่วนของต้นองุ่นที่เห็นได้ชัดคือ
การป้องกันกำจัด
1. ตัดกิ่ง ใบหรือผลที่เป็นโรคเผาทำลายเพื่อมิให้เชื้อโรคแพร่ขยายไปยังส่วนอื่น
2. ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัด เช่น คาเรน(คาร์เบนดาซิม) อัตรา 10-20 กรัมผสมน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่น
หรือใช้ วิธีปลอดสารพิษ โดยใช้เชื้อไตรโคเดอร์ม่า ป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดการระบาด
หนอน แมลง ศัตรูองุ่น |
1. หนอนกระทู้หอม เป็นหนอนที่มีความสำคัญมากชนิดหนึ่ง ชาวสวนเรียกว่า "หนอนหนังเหนียว" ทำความเสียหายต่อทุกส่วนขององุ่นทั้งใบ ดอก ผลและยอดที่จะเจริญไปเป็นดอกและผลในฤดูถัดไป หนอนกระทู้หอมตัวเต็มวัย เป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็กวางไข่เป็นกลุ่ม 20-80 ฟอง บริเวณด้านหลังใบ ไข่ปกคลุมด้วยขนสีขาวหนอยวัยอ่อนจะแทะผิวใบพรุนเป็นร่างแหทำให้ใบแห้งตายและเมื่อหนอนโตเต็มที่จะกัดกินใบอ่อน ช่อดอกหรือผลอ่อนขององุ่นเสียหาย
การป้องกันกำจัด
1. โดยการใช้เชื้อไวรัส NPV ของหนอนกระทู้หอมฉีดพ่นเมื่อพบตัวหนอนบนใบองุ่น หนอนที่มากัดกินใบจะได้รับเชื้อไวรัสทำให้เป็นโรค Grassarie one และตายภายใน 1-2 วัน
2. ใช้กับดักแสงไฟ (Black light) หรือกาวดักเหนียวเพื่อดักผีเสื้อทั้งตัวผู้ตัวเมีย ก่อนจะขยายพันธุ์ในรุ่นต่อไป โดยวางไว้ในสวนองุ่นโดยเฉพาะช่วงตัดแต่งกิ่งและยอดอ่อนเริ่มแตกออกมา
3. โดยการใช้ ผลิตภัณฑ์ " BT80 " เชื้อแบคทีเรีย BT บาซิลลัส ชูริงเจนซิล (Bacillus Thuringicnsis)
2. หนอนเจาะสมอฝ้าย ทำลายองุ่นโดยกัดกินส่วนดอกและเมล็ดภายในผลองุ่น ตั้งแต่ระยะติดดอกจนถึงดอกบาน จะพบช่อดอกถูกกัดกินเป็นแถบและระยะช่อผลอ่อนอายุระหว่าง 10-14 วัน หลังจากดอกบานแล้วจะเจาะกินเมล็ดภายในหมดและย้ายไปกัดกินผลอื่นต่อไปผลที่ถูกทำลายจะเป็นรู หนอน 1 ตัว สามารถทำลายได้หลายช่อดอกโดยเฉพาะช่อดอกที่อยู่ใกล้เคียงกัน หนอนมีตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน ขนาดกลาง ตัวผีเสื้อจะซ่อนอยู่ตามใบแก่ขององุ่น
การป้องกันกำจัด
1. ในระยะติดดอกและผลอ่อนควรหมั่นตรวจดูช่อองุ่น เมื่อพบหนอนหรือตัวผีเสื้อควรจับทิ้งทำลายเพื่อไม่ให้ลุกลามไปช่ออื่น
2. ใช้เชื้อไวรัส NPV ของหนอนเจาะสมอฝ้ายฉีดพ่นเช่นเดียวกับหนอนกระทู้หอม
3. โดยการใช้ ผลิตภัณฑ์ " BT80 " เชื้อแบคทีเรีย BT บาซิลลัส ชูริงเจนซิล (Bacillus Thuringicnsis)
3. เพลี้ยไฟ เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็กใช้ปากเขี่ยดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอดใบอ่อน ทำให้ยอดใบอ่อนหักงอ ใบแห้งกรอบไม่เจริญเติบโตและตายในที่สุด ถ้าทำลายระยะดอกทำให้ดอกร่วงไม่เกิดผลหรือทำให้ผลมีตำหนิ พบการระบาดตั้งแต่หลังจากตัดกิ่งจนถึงผลโตเต็มที่เนื่องจากองุ่นมีการแตกยอดตลอดทั้งปี
การป้องกันกำจัด
1. ควรหมั่นตรวจดูเพลี้ยไฟตามยอดใบอ่อน ช่อดอกหรือผลอ่อน ถ้าพบเป็นร้อยกร้านสีน้ำตาลควรรีบป้องกันกำจัดทันที
2. ฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นในพุ่มให้ชุ่ม จะทำให้การระบาดลดลงเพราะเพลี้ยไฟไม่ชอบความชื้นสูง
3 สารชีวภาพ พวก เชื้อ บิวเวอร์เรีย (ดูผลิตภัณฑ์ บิวเวอร์เรีย-A1)
หรือ เชื้อเมตตาไรเซี่ยม ชื่อ ผลิตภัณฑ์ "เมทตาวัน" ควบคุมเพลี้ยไฟ และหนอน
แนะนำ :
โกลด์มิค : สารอินทรีย์ ปรับปรุงบำรุงดิน ให้ร่วนซุย รากเดินดี ดูดกินปุ๋ยที่ตกค้างในดินได้ดีขึ้น และ ช่วยเพิ่มผลผลิต
ปุ๋ยปลา : เพิ่มธาตุอาหารให้กับพืช นอกเหนือจากปุ๋ยเคมี ทำให้ดินดีขึ้น ช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิต